แฟนปืนรอเฮ นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับเหล่าสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” เพราะว่าปัจจุบัน อาร์เซน่อล จ่อแล้วที่กำลังจะได้ตัว เบน ไวท์ มาร่วมทัพ
แฟนปืนรอเฮ อาร์เซน่อล สมาพันธ์ยักษ์ใหญ่ที่เวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ใกล้ที่จะบรรลุกติกาคว้าตัว เบน ไวท์ กองหลังตัวกลาง จอมเข้มแข็งของ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน มาเสริมกองทัพ ตามรายงานจาก เดวิด ออร์นสตีน ผู้รายงานข่าวโด่งดังที่ ดิ แอธเลติก สื่อชั้นหนึ่งเมืองผู้ดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 เดือนมิถุนายน ก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ไบรท์ตัน ได้ไม่ยอมรับคำแนะนำเงิน 40 ล้านปอนด์ (ราวๆ 1,760 ล้านบาท) ที่ อาร์เซน่อล ยื่นไปให้พินิจพิเคราะห์ แม้กระนั้นปัจจุบัน “ไอ้ปืนใหญ่” ขยับใกล้กับการจับตัวได้ ปราการหลังกลุ่มชาติอังกฤษวัย 23 ปี ข้างหลังยอมอัพข้อเสนอแนะเป็น 45 ล้านปอนด์ (ราว 1,980 ล้านบาท) บวกออปชั่นอีก 5 ล้านปอนด์ (โดยประมาณ 220 ล้านบาท) ผลบอล
แม้ ไบรท์ตัน ยังคงอยากได้เงินค่าจ้าง ไวท์ แบบรับประกันย้ำๆ50 ล้านปอนด์ (ราวๆ 2,200 ล้านบาท) แม้กระนั้น ออร์นสตีน มั่นใจว่า ดีลนี้ใกล้ได้ข้อสรุป โดยปัจจุบันนี้ทั้งคู่สมาคมกำลังสนทนาเกี่ยวกับเรื่องข้อจำกัดต่างๆรวมทั้งโครงสร้างสำหรับการชำระเงิน ระหว่างที่ตัวนักฟุตบอลก็พร้อมที่จะเก็บสิ่งของย้ายสู่ถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
ตอนนี้ ไวท์ กำลังอยู่ในภารกิจรับใช้กลุ่มชาติอังกฤษ สู้ศึก ยูโร 2020 แต่ว่าเจ้าตัวยังมิได้ลงเล่นแม้กระทั้งวินาทีเดียว โดยกองทัพ “สิงโตขู่คำราม” มีคิวลงฟาดหน้าแข้งกับ เยอรมนี สำหรับในการแข่งรอบ 16 กลุ่มท้ายที่สุด วันอังคารที่ 29 เดือนมิถุนายน
น่าจะเป็นหนึ่งในเย็นคคืนที่ เบน ไวท์ แผงหลัง ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน จำไปตลอดชีพ ข้างหลังเขาได้รับการติดต่อจาก เอ็งเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมฟุตบอลชาติอังกฤษว่าเขาเป็นผู้ที่ถูกเรียกติดกองทัพ “สิงโตขู่คำราม” ชุดสู้ศึก ยูโร 2020 แทนที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตัวบุกปีกขวาจาก หงส์แดง ที่มีลักษณะเจ็บกระทั่งจำเป็นต้องถอนตัวแบบทันควัน
นี่ไม่ใช่ทีแรกที่ชื่อของ ไวท์ เป็นที่พึงพอใจของคอบอลทั่วๆไป เพราะว่าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเขาก็เคยมีข่าวสารกับกลุ่มใหญ่ระดับ หงส์แดง รวมทั้ง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาแล้ว ภายหลังที่ทำผลงานได้เด่นตั้งแต่ยุคที่ไปเล่นให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด ด้วยข้อตกลงยืมตัว เมื่อฤดู 2019-20 พร้อมทั้งมีส่วนช่วยให้ “ยูงทองคำ” เลื่อนชั้นมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ได้ ก่อนที่จะท้ายที่สุด ไบรท์ตันฯ จะเลือกเก็บเขาเอาไว้ใช้งานเอง ดูบอลสด
ดังนี้ ไวท์ นับว่าเป็นนักฟุตบอลที่มีเรื่องมีราวราวที่น่าดึงดูดในระดับหนึ่งด้วยเหมือนกัน รวมทั้งเขาก็จำต้องสู้ชีวิตในระดับหนึ่งกว่าที่จะมาถึงที่ตรงนี้ได้ ซึ่งวันนี้พวกเราจะมานำเสนอกันว่ามันมีเรื่องมีราวอะไรบ้าง
ถึงแม้ ไวท์ จะเล่นบอลอาชีพมาจนถึงทุกวันนี้ได้ แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วทั้งยัง แบร์รี่ รวมทั้ง แคโรล คุณพ่อคุณแม่ของเขาไม่ใช่ผู้ที่ประทับใจกีฬาบอลอะไรเลย ด้วยเหตุดังกล่าวมันก็ไม่ใช่ว่าเขามีความคลั่งไคล้ในกีฬาลูกหนังมาตั้งแต่กำเนิด ต่างกับนักฟุตบอลผู้คนจำนวนมากที่ตกทอดความรักในบอลมาจากผู้ดูแล โดยที่ม่าม้าของเขาเป็นช่างตัดผม ยังดีใจไม่หาย
อยู่มาวันหนึ่ง ชะตากรรมก็ได้นำพา ไวท์ ให้มารู้จะกับกีฬาจำพวกนี้ เนื่องจากว่ายุคยังเด็กนั้นชายคนหนึ่งที่เป็นลูกค้าของแม่ของเขาได้ตกลงที่จะสวมบทบาทผู้เฝ้าประตูให้กับ ไวท์ เพื่อที่ ไวท์ จะได้ฝึกหัดยิงได้ และก็มันก็มีส่วนทำให้เขาพอใจกีฬาบอลมากยิ่งขึ้นก่อนจะมาถึงจุดนี้
ไวท์ เริ่มการเป็นนักฟุตบอลจากการเข้าอะคาเดมี่ของ เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งเขาก็ดำเนินการอย่างขยันขันแข็งเพื่อจะขึ้นไปติดกลุ่มชุดใหญ่ให้ได้ แม้กระนั้นท้ายที่สุดก็ทำไม่เสร็จจนถึงโดนปลดปล่อยออกมาจากกลุ่มในปี 2014 ยังดีที่ในตอนนั้น ไบรท์ตันฯ รับเขาไปปลุกปั้นต่ออย่างเร็ว
ที่แท้ก่อนหน้าที่ผ่านมา ไวท์ ก็เคยตื่นเต้นเกี่ยวกับการได้รับใช้ถิ่นฐานบ้านช่องเช่นเดียวกัน เพราะเหตุว่ามันเคยมีข่าวลือว่าเขาจะถูกเรียกติดกลุ่มชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี น่าสังเวชที่สุดด้านหลังแล้วมันก็ไม่เกิดขึ้น แต่ว่าท้ายที่สุดช่วงนี้เขาก็สมหวังกับการได้รับใช้กลุ่มชุดใหญ่ของถิ่นกำเนิดแล้ว
มันคือเรื่องปกติที่เด็กบางบุคคลจะมีสุขภาพที่ไม่ดี ไวท์ เองก็ยอดเยี่ยมในนั้น โดยที่ แคโรล คุณแม่ของเขาถึงขนาดออกมาบอกเองว่าแต่ว่าก่อน ไวท์ มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพหลายด้าน ดังเช่นว่าการที่ภูมิต้านทานไม่ทำงาน และก็โรคไส้ติ่งอักเสบ ฯลฯ ซึ่งมันก็ทำให้คุณจำเป็นต้องรอพกยาอยู่เสมอเพื่อรอดูแลลูกชาย
แคโรล เปิดเผยว่า “ภูมิคุ้มกันของเขามันไม่ทำงาน ถ้าหากมีใครซักคนจามขึ้นมาแล้วล่ะก็ เขาก็จะเป็นโรคปอดอักเสบได้อย่างยิ่งจริงๆ ยิ่งไปกว่านี้เขาก็เคยเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบด้วย และก็เขาก็โดนอาการนั้นตามทำร้ายอยู่พักใหญ่ เขาเคยติดโรค 6 หรือ 7 ครั้ง ตอนวัยเด็กน่ะเขาจำเป็นต้องอยู่ในโรงหมอเป็นส่วนมาก บางทีจะต้องอยู่นับเป็นเวลาหลายเดือนเลยด้วย”
“ในเวลาที่เขายังอายุเพียงแค่ 7 ขวบนั้น เขาเคยปวดไส้ติ่งหนักมากมาย เขาเคยจำต้องรับยาปฏิชีวนะ 2 ครั้งต่อวัน ตั้งแต่ตอนอายุ 8 ขวบไปจนกระทั่งตอนอายุ 18 ปี เขามีปัญหาเกี่ยวกับภูมิแพ้อย่างหนัก พวกเราจำเป็นต้องพกยาไปไหนมาไหนด้วยอยู่เสมอ มันเป็นทางเดียวที่จะสามารถช่วยชีวิตเขาได้”