ขึ้นชื่อว่าเก่ง โดยตลอดโดยแมตช์ปัจจุบันเปิดรังไล่ยำสามพ้อยต์ย้ำๆ

ขึ้นชื่อว่าเก่ง

ขึ้นชื่อว่าเก่ง ส่งผลให้ในตอนนี้ “ลิเวอร์พูล” โบยบินขึ้นไปยึดจ่าฝูงชั่วคราวเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว

ขึ้นชื่อว่าเก่ง สำหรับ ปาทริค วิเอร่า ผู้จัดการทีมฟุตบอลเลือดเฟร้นช์ ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการจับบังเหียนออกมาโดยตลอด โดยแมตช์นี้เขาวางแท็กติกสู้กับเจ้าของบ้านได้อย่างเบิกบาน ถึงแม้คุณภาพของตัวผู้เล่นจะด้อยกว่า แต่ว่าความองอาจในการสู้กับทีมใหญ่มีเต็มเปี่ยม ผลที่ได้รับ

ขึ้นชื่อว่าเก่ง

  • โกนาเต้ เปิดตัวใช้ได้

คล็อปป์ เลือกใช้ระบบโรเตชั่นแนวรับโดยต้องการที่จะให้ โฌแอล มาติป พัก เนื่องจากลงไปในสนามติดต่อกันตั้งแต่เปิดฤดูกาล ทำให้แมตช์นี้ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ได้โอกาสได้ลงสนามเปิดตัวในเกมพรีเมียร์ลีก ซึ่งผลงานของเขานับว่าสอบผ่านอย่างยิ่งจริงๆ

การได้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ลงมาทำหน้าที่บัญชาเกมรับอย่างเดิม หลังได้พักในแมตช์ชนะ เอซี มิลาน ทำให้ โกนาเต้ มีคนดูแลชั้นยอดสำหรับในการลงสนามเกมนี้ รวมทั้งการได้ ปราการหลังชาวดัตช์ รอช่วยประคองทำให้เขาเล่นด้วยความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น

จอมบุกเลือดเฟร้นช์ ชี้ให้เห็นถึงการเล่นที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะเมื่อจำเป็น ต้องปะทะกับนักฟุตบอล ที่มีความคล่องตัวสูง อย่าง วิลฟรีด ซาฮา แล้วก็ผู้เล่นที่เต็มไปด้วยกำลังอย่าง คริสติย็อง เบนเตเก้ ได้อยู่มือ โดยไม่ยอมให้ทั้งคู่คนได้โอกาสได้เล่นสบายๆในกรอบจุดโทษเลย

ยิ่งกว่านั้นยังมีจังหวะที่ โกนาเต้ โชว์ให้มองเห็นถึงการเล่นที่นิ่งรวมทั้งแข็งแกร่งในจังหวะวิ่งแทรกกับ ออดซอนน์ เอดูอาร์ด ในจุดโทษก่อนที่จะบล็อกลูกยิงเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ที่สำคัญความเร็วของเขาช่วยทำให้ ฟาน ไดค์ ทำงานได้สบายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับฤดูนี้ สาวก “เดอะ ค็อป” อาจจะแฮปปี้กันถ้วนหน้าเพราะเหตุว่าในขณะนี้ 4 เซนเตอร์แบ็กของกลุ่มสามารถเปลี่ยนหมุนเวียนลงสนามมาช่วยกลุ่มได้ และไม่ว่าจะส่งใครลงเล่น เกมรับของ หงส์แดง ก็ยังคงอดทนเหมือนเดิม

  • มาเน่ จารึกประวัติศาสตร์

ในขณะนี้ ซาดิโอ มาเน่ สามารถจารึกชื่อตัวเองในหน้าประวัติศาสตร์สมาพันธ์สะกดรอย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้แล้ว เมื่อเขาจัดแจงซัดประตูที่ 100 ให้กับ “เดอะ เร้ดส์” จากการลงสนาม 224 เกมในทุกรายการ ซึ่งทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลผู้ที่ 18 ของกลุ่มที่ตะบันลูกหนังเข้าหลักร้อย

ประตูขึ้นนำในครึ่งแรกของ มาเน่ ยังส่งผลให้เขาแปลงเป็นนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีก คนแรกที่ยิงคู่ต่อสู้กลุ่มเดียวกัน 9 นัดติด แน่ๆว่าสิ่งนี้คงจะทำให้ ตัวรุกชาวเซเนกัล มีความฮึกเหิมสำหรับเพื่อการไล่ล่าตาข่ายคู่แข่งขันมากยิ่งขึ้นในฤดูกาลนี้ https://www.dalintober.com/

จะว่าไปแล้วเกมนี้ มาเน่ ก็มิได้โชว์ฟอร์มเด่นอะไรมากนัก จังหวะในการทำประตูก็น้อยกว่าในแมตช์ที่กระหน่ำ ลีดส์ ยูไนเต็ด แม้กระนั้นเขาคราวนี้เขาใช้จังหวะไม่ปลด และก็ที่สำคัญเจ้าตัวมักจะยืนอยู่เหมาะสมถูกเวลา จนกระทั่งทำให้ทีมได้ประตูขึ้นนำอย่างที่เห็น

ในตอนที่ “บังโม” ยังคงรักษามาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะพบความยากลำบากสำหรับในการจำต้องดวลกับ ไทริค มิตเชลล์

แม้กระนั้นด้วยประสบการณ์แล้วก็ความสามารถเฉพาะบุคคลทำให้เขาเอาชีวิตรอดได้ แถมยังทำประตูที่สองให้ทีมอีกต่างหาก ส่วน ดีโอโก้ โชต้า จัดว่าทำผลงานได้ต่ำลงยิ่งกว่ามาตรฐานเพราะว่านักเตะไม่อาจจะช่วยอะไรกลุ่มได้มากนัก แถมยังได้โอกาสซัดจ่อๆแม้กระนั้นดันตะบันผ่านคาน ข้อเท็จจริงแล้วถ้าหาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ไม่เจ็บ คาดว่าเขาคงจะได้ลงไปในสนามแทน ตัวรุกชาวโปรตุกีส แน่ๆ

  • แดนกลางสุดยอด, เกอิต้า ยิงประตูอย่างงาม

แมตช์นี้นับว่าเป็นยามงามยามดีที่ คล็อปป์ จะได้ใช้งาน 3 กองกลางชั้นยอดเยี่ยมของยุโรปนั่นก็คือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่ แล้วก็ ติอาโก้ อัลกันทาร่า ซึ่งพวกเขาอีกทั้งสามคนได้โอกาสได้ลงเล่นตัวจริงด้วยกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

สำหรับฟอร์มของทั้งยัง 3 คนจะต้องยอมรับว่ายอดเจ๋งมากๆโดย ฟาบินโญ่ รอปฏิบัติหน้าที่คุมจังหวะแล้วก็ตัดเกม ช่วงเวลาที่ ติอาโก้ ใช้ทักษะรวมทั้งเชิงชั้นลูกหนังในการปั้นเกมรุก ส่วน “กัปตันเฮนโด้” มีบทบาทเพิ่มเกมทะลวงโดยเฉพาะการประสานงานกับ ซาลาห์ ทางฝั่งขวา จัดว่าเยี่ยมที่สุดไม่มีที่ติ

นอกจากนั้น เฮนเดอร์สัน ยังแสดงให้เห็นถึงกำลังวังชาในการเล่นเกมรับที่แน่นแฟ้น โดยเพียรพยายามช่วยแบ่งเบาภาระ ฟาบินโญ่ แต่ว่าที่โชคร้ายก็คือ ติอาโก้ ซึ่งมิได้เล่นจนกระทั่งจบเกมเมื่อมีปัญหาเจ็บในตอนเกือบจะครึ่งชั่วโมงสุดท้าย

จะว่าไปแล้วถ้าหาก ติอาโก้ อัลกันทาร่า ไม่มีปัญหาเจ็บแฟนบอลลิเวอร์พูล อาจจะมิได้มองเห็นการทำประตูสุดสวยของ นาบี เกอิต้า แต่ว่าเมื่อสวรรค์ตีเส้นให้ทุกๆอย่างมันก็เลยประจวบเหมาะพอดีพอดีเป๊ะอย่างน่าเกินจริง ก็แหมขนาดคนยิงยังยืนงงในป่า “ดิ อีเกิลส์” อย่างกับว่าบอลมันเข้าไปได้อย่างไร

ขึ้นชื่อว่าเก่ง

  • วิเอร่า สร้าง พาเลซ เล่นได้สนุกเร้าใจ

จำต้องเห็นด้วยว่า ปาทริค วิเอร่า มีความสามารถสำหรับเพื่อการคุมทีมไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะเหตุว่าแมตช์นี้เขาวางแท็กติกให้ “ดิ อีเกิ้ลส์” บุกมาถึงรังแอนฟิลด์ ด้วยหัวใจนักสู้ และไม่คิดที่จะเล่นสไตล์ตั้งรับสวนกลับดัง รอย ฮ็อดจ์สัน

ถ้าผู้ใดกันเคยได้ดูเกมของ พาเลซ ในยุคของ ฮ็อดจ์สัน คงจำกันได้ว่าพวกเขาจะเป็นทีมสไตล์เน้นเกมรับเป็นส่วนมาก ยิ่งถ้าเกิดได้ประตูขึ้นนำก็จะบากบั่นรักษาผลการแข่งขัน และก็คอยรอจังหวะเพื่อสวนกลับ ซึ่งวิธีการเล่นอย่างงี้ไม่มีให้มองเห็นในสมัยของ วิเอร่า

ผู้จัดการทีมเลือดเฟร้นช์ เลือกที่จะให้ผู้ร่วมทีมเล่นเพรสซิ่งสู้กับ หงส์แดง ซึ่งในตอนต้นเกมจัดว่าสำเร็จสบายแล้วก็เกือบจะทำประตูเจ้าของบ้านได้ด้วย ช่วงเวลาที่ช่วงหลังผลงานของกลุ่มก็ยังอันตรายรวมทั้งสร้างจังหวะได้หลายที แต่ว่าโชคร้ายที่ขาดความเฉียบคมในแดนหน้า

นอกนั้น วิเอร่า ขึ้นชื่อว่าเก่ง ยังสามารถดึงประสิทธิภาพชั้นเลิศของ คอนนอร์ กัลลาเกอร์ ออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม เช่นเดียวกับ ออดซอนน์ เอดูอาร์ด ที่เริ่มฉายแววนักฟุตบอลชั้นยอด เมื่อลงสู่สนามในครึ่งหลังรวมทั้งป่วนปั่นเกมรับของ หงส์แดง ก้าวหน้ามากมายๆที่สำคัญแทบทำประตูได้ แต่ว่าโดน อลีสซง เบ็คเกอร์ ไม่ยอมรับเสียก่อน ขณะที่ ซาฮา ก็ได้ใช้ทักษะแล้วก็ความเร็วของตนอย่างเต็มเปี่ยม

การดวลกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (ชนะ 3-0) รวมทั้ง ลิเวอร์พูล ต่อเนื่องกัน แม้กระนั้นฟอร์มการเล่นเด่นและวูบวาบน่าสะพรึงกลัวไม่ใช่น้อย ที่สำคัญ วิเอร่า ได้บ่งบอกถึงแล้วว่าเขาเป็นพวกกุนซือที่มี “ความเก่งกล้า” หากแม้คุณภาพทีมอาจจะด้อยกว่า “บิ๊กซิกซ์” ก็ตาม บ้านบอล

เลสเตอร์หมุนแข้ง Previous post เลสเตอร์หมุนแข้ง “ดาก้า”นำซัดรับมือไบรท์ตัน ศึกคาราบาว คัพ 16 ทีม
ไม่เต็มศักยภาพ Next post ไม่เต็มศักยภาพ ลูกากู ฟอร์มพังตาข่ายร้อนแรง