ตะลุยรอบตัดเชือก ผีแดง ผ่านเข้าไปเล่นในรอบตัดเชือกได้สำเร็จ หลังบุกไปอัด เอฟเวอร์ตัน ถึงกูดิสัน พาร์ค 2-0
ตะลุยรอบตัดเชือก จากสองประตูท้ายเกมของ เอดินสัน คาวานี่ และอองโตนี่ มาร์กซิยาล ในศึกคาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย
ศึกคาราบาว คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ เป็นบิ๊กแมตช์ระหว่าง เอฟเวอร์ตัน เปิดกูดิสัน พาร์ค รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ซึ่งผลงานล่าสุดของทั้งคู่นั้นโชว์ฟอร์มกันได้อย่างดีเยี่ยม ทอฟฟี่ เพิ่งจะเฉือน อาร์เซน่อล 2-1 ส่วน “ผีแดง” ไม่น้อยหน้าไล่ถล่ม ลีดส์ แบบขาดลอย 6-2
เกมนี้ คาร์โล อันเชล็อตติ บรมกุนซือของทอฟฟี่ยังให้ โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน เป็นหน้าเป้าโดยมีสามแนวรุกสนับสนุนทั้ง อเล็กซ์ อิโวบี้, กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน และ ริชาร์ลิซอน
ตะลุยรอบตัดเชือก ส่วนทางฝั่งผีแดง ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ปรับทัพหลายตำแหน่ง ปอลป็อกบา และดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ได้ออกสตาร์ทตัวจริง ทำเกมร่วมกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส โดยทิ้ง เอดินสัน คาวานี่ ค้ำหน้า
เอฟเวอร์ตัน (4-2-3-1) : โรบิน โอลเซ่น – เชมัส โคลแมน, เยร์รี่ มีน่า , ไมเคิ่ล คีน, เบน ก็อดฟรีย์ – อันเดร โกเมส (ทอม เดวิส น.58),
อับดูลาย ดูกูเร่ (เซงค์ โทซุน น.89) – อเล็กซ์ อิโวบี้, กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน, ริชาร์ลิซอน (แบร์นาร์ด น.56) – โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน
แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดีน เฮนเดอร์สัน – อั๊กเซล ตวนเซเบ้, เอริก ไบยี่, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, อเล็กซ์ เตลลิส (ลุค ชอว์ น.84) – เนมานย่า มาติช,
ตะลุยรอบตัดเชือก ปอล ป็อกบา – เมสัน กรีนวู้ด (มาร์คัส แรชฟอร์ด น.67), บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค (อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล น.67) – เอดินสัน คาวานี่
เริ่มต้นครึ่งแรกผีแดง กดดันเจ้าถิ่นอย่างหนัก นาทีที่ 7 เมสัน กรีนวู้ด เลี้ยงบอลแหวกเข้าไปยิงบอลไปติดบล็อคมาเข้าทาง ปอล ป็อกบา ตอกส้นให้ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ซัดไปติดบล็อคแข้งทอฟฟี่อีกหน เปิดยำสี่ลูก
นาที 16 ทัพปีศาจแดงชวดได้ประตูขึ้นนำอีกหลัง ปอล ป็อกบา ไหลออกซ้ายให้ เตลลิส ครอสไปเสาไกลถึง เอดินสัน คาวานี่ วอลเลย์ด้วยขวามุมแคบไปติดเซฟ โรบิน โอลเซ่น บอลกระดอนมาเข้าทาง คาวานี่ อีกทีกระดกด้วยซ้ายก่อนอัดด้วยขวาแต่ก็ไม่ผ่าน โอลเซ่น ที่ปิดมุมไว้ได้
ตะลุยรอบตัดเชือก รูปเกมยังเป็นลูกทีมของ โซลชา ครองเกมได้เหนือกว่า นาที 25 เมสัน กรีนวู้ด ป้ายออกซ้ายให้ อเล็กซ์ เตลลิส ก่อนเตลลิสจะครอสคืนให้ กรีนวู้ด สอดเข้ามาโขกบอลพุ่งถากเสาไกลออกไปแบบได้เสียว
อีก3 นาทีถัดมา อเล็กซ์ เตลลิส เปิดคอนเนอร์ทางมุมขวาเข้ามาบอลตกพื้นไปถึง ปอล ป็อกบา ที่ไร้ตัวประกบแต่เจ้าตัวโหม่งบอล ตะลุยรอบตัดเชือก เบาไปเข้ามือ โรบิน โอลเซ่น
นาที35 เอฟเวอร์ตัน มาได้ลุ้นจากลูกเตะมุม กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน เปิดบอลมากลางประตูให้ โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน เทกตัวโขกแต่บอลไม่แรงพอและไปตรงตัว โรบิน โอลเซ่น นับเป็นการยิงเข้ากรอบหนแรกของเจ้าถิ่นอีกด้วย
อีกสองนาทีถัดมา “ทอฟฟี่” ได้ลุ้นเข้ากรอบอีกครั้ง หลังไมเคิ่ล คีนเรียกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะเป็น กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน รับหน้าที่ปั่นฟรีคิกข้ามกำแพง แต่ยังไม่ผ่านมือ ดีน เฮนเดอร์สัน พุ่งปัดสองมือออกไปได้
ช่วงทดเจ็บนาที 45+1 ผีแดงเกือบได้ลุ้นขึ้นนำเช่นกัน
หลังได้ฟรีคิกกว่า 25 หลาหน้ากรอบ และเป็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ปั่นข้ามกำแพงบอลโค้งลงพื้นแต่ยังไม่ผ่านมือ โรบิน โอลเซ่น ล้มตัวรับไว้ได้
จบครึ่งแรก ยังทำอะไรกันไม่ได้ เอฟเวอร์ตัน เสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-0 กลับมาบู๊ต่อในครึ่งหลัง นาที 48 “ผีแดง” ได้เสียวก่อนเลย อั๊กเซล ตวนเซเบ้ เปิดเข้ามาให้ คาวานี่ พักอกก่อนเข้าไปซัดด้วยขวามุมแคบไปติดมือ โรบิน โฮลเซ่น ผลบอล
ตะลุยรอบตัดเชือก นาที53 เกมต้องหยุดลงเพื่อดูอาการบาดเจ็บของ ริชาร์ลิซอน หลังเข้าไปปะทะกับ เอริก ไบยี่ ก่อนปีกชาวบราซิเลี่ยน จะเล่นต่อไม่ไหว โดนเปลี่ยนตัวออก แล้วส่ง แบร์นาร์ด ลงเล่นแทน
นาที62 บอลวางยาวมาให้ คาวานี่ ทางด้านขวาจ่ายต่อให้ ปอล ป็อกบา ไหลเข้ากลางให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส วิ่งมาอัดด้วยขวาบอล พุ่งเหินคานออกหลังแบบหมดลุ้น
ตะลุยรอบตัดเชือก นาที67 โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เปลี่ยนรวดเดียวสองคน ส่ง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และมาร์คัส แรชฟอร์ด ลงไปเล่นแทน ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค และเมสัน กรีนวู้ด
นาที81 “ผีแดงได้ลุ้นฟรีคิกนอกกรอบทางด้านขวา แต่ชอตนี้ อเล็กซ์ เตลลิส วิ่งมาปั่นเหินคานออกไป แต่แล้ว นาที 88 “ผีแดง” มาได้ประตูที่รอคอยขึ้นนำจนได้ หลังบอลสวนกลับจาก มาร์กซิยาล จ่ายขึ้นหน้าให้ เอดินสัน คาวานี่ ล็อคด้วยขวาก่อนตะบันด้วยซ้ายพุ่งเสียบเสาไกลอย่างงดงาม เป็นประตูให้ทีมเยือนบุกมานำ 1-0 ดูบอลสด
ช่วงทดเวลาเจ็บ นาที 90+6 แมนฯยูไนเต็ด มาได้ประตูนำห่าง 2-0 จากจังหวะที่มาร์คัส แรชฟอร์ด จ่ายทะลุให้ มาร์กซิยาล หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปแปผ่านมือ โรบิน โอลเซ่น เข้าไป
ตะลุยรอบตัดเชือก ช่วงเวลาที่เหลือเจ้าถิ่นไม่สามารถทวงประตูไล่ตีเสมอได้ จบเกม แมนฯยูไนเต็ด บุกมาปราบเอฟเวอร์ตัน หวุดหวิด 2-0 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ
